น้ำบาดาล คือ แหล่งน้ำจากธรรมชาติเป็นน้ำใต้ดินที่ถูกเก็บสะสมไว้ภายในช่องวางหรือรอยแยกของชั้นหินและชั้นดิน เป็นน้ำที่อยู่ใต้ดินลึกลงไปหลายเมตรในบางพื้นที่อาจลึกลงไปหลายกิโลเมตร ซึ่งน้ำบาดาลนั้นเป็นน้ำที่มีการไหลผ่านชั้นดินหลายชั้น
ทำให้มีแร่ธาตุเจือปนอยู่ปริมาณมาก บางทีก็เกิดเป็นน้ำกร่อย น้ำบาดาลจึงเป็นน้ำที่ไม่สามารถนำมาใช้งานแบบยังไม่ผ่านการกรอง บำบัด หรือปรับสภาพก่อนได้ เพราะแร่ธาตุที่เจือปนอยู่ในน้ำอาจทำให้เกิดอันตรายหรือส่งเสียต่อร่างกายได้
ซึ่งในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับน้ำบาดาลให้มากขึ้นว่ามีกี่ระดับ แบ่งออกเป็นกี่โซน พร้อมกับบอกวิธีทำให้สามารถใช้งานน้ำบาดาลในการอุปโภค บริโภค ได้อย่างปลอดภัย จะเป็นอย่างไรบ้างมาดูกันเลย
แบ่งระดับน้ำบาดาลได้ 3 โซน ได้แก่
- Soil Zone หรืออีกชื่อเรียก คือ เขตความชื้นในดิน เป็นโซนที่พืชสามารถหยั่งรากลงมาถึง และพืชก็ยังสามารถดูดซึมน้ำในระดับนี้ไปใช้ประโยชน์แล้วปล่อยให้ระเหยกลายเป็นไอสู่บรรยากาศได้ และในบางครั้งความชื้นในดินก็สามารถระเหยเข้าสู่บรรยากาศได้โดยตรง
- Intermediate Zone หรือ เขตชั้นกลาง เป็นเขตที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเขตความชื้นในดินกับเขตน้ำซึม โดยน้ำที่อยู่ในเขตนี้จะรวมตัวกันอยู่ภายในดินด้วยแรงดึงดูดระหว่างอนุภาค ทำให้เป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนตัวของน้ำน้อย แต่หากมีปริมาณน้ำฝนมาก ก็เป็นช่องกลางทางผ่านของน้ำไปสู่เขตที่อยู่ลึกกว่าได้
- Capillary Fringe หรือเขตน้ำซึม เป็นเขตที่ได้รับน้ำจากเขตอิ่มน้ำที่มีความหนาตั้งแต่ 2-3 เซนติเมตร ไปถึงหลายร้อยเซนติเมตร โดยจะมีน้ำจากเขตที่อยู่ข้างล่างซึมขึ้นมาตามแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของดินหรือหินกับโมเลกุลของน้ำ
การใช้น้ำบาดาลให้ปลอดภัย ทำอย่างไร ให้อุปโภค บริโภคได้
1.สูบน้ำบาดาลมาเก็บไว้ในบ่อพัก
ก่อนการกรองน้ำบาดาล จะต้องสูบน้ำบาดาลขึ้นมาเก็บพักไว้ในบ่อพักน้ำ ซึ่งถังพักน้ำบาดาลจะมีการติดตั้งปั๊มน้ำไว้ เพื่อใช้สำหรับฟีดสารคลอรีนเข้าไปช่วยฆ่าเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เจือปนอยู่ในน้ำบาดาล
2.กรองน้ำบาดาลที่ฆ่าเชื้อแล้ว
หลังจากฆ่าเชื้อน้ำบาดาลเรียบร้อยแล้ว ให้นำน้ำบาดาลที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคเข้าสู่ถังกรองน้ำบาดาล โดยวิธีการกรองน้ำบาดาลผ่านถังกรองที่มีปั๊มแรงดันทั้งหมด 4 ใบ ได้แก่ ถังกรองความขุ่น ถังกรองสนิมเหล็ก ถังกรองเรซิ่น ถังกรองกลิ่น สี และสารเคมี
3.กรองความขุ่นน้ำบาดาล
น้ำบาดาลในตอนแรกไม่ได้มีสีที่ใสและสะอาดสักเท่าไหร่ บางครั้งอาจมีสีที่ขุ่นเหมือนน้ำคลอง หรืออาจมีสีส้มๆ แดงๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถนำไปใช้งานได้อย่างปลอดภัย จึงต้องกรองเอาความขุ่นของน้ำบาดาลออกก่อน
4.กรองสนิมเหล็กน้ำบาดาล
น้ำบาดาลจะมีตะกอนของเหล็กละลายผสมอยู่ในน้ำด้วย เมื่อสูบน้ำขึ้นมาใช้ก็จะมีสนิมเหล็กขึ้นมาด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องกรองเอาสนิมเหล็กออกก่อน เพื่อที่จะได้สามารถนำน้ำบาดาลไปใช้งานได้ต่ออย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
5.กรองเรซิ่น
เมื่อมีการตรวจสอบพบหินปูนในน้ำบาดาล สิ่งที่ควรทำก็คือการปรับสภาพน้ำบาดาลด้วยสารกรองเรซิ่น เพื่อช่วยลดความกระด้างในน้ำ ทำให้น้ำมีรสชาติที่ดีขึ้น ไม่กระด้างคอ สามารถนำไปใช้อุปโภค บริโภค ได้อย่างปลอดภัย แต่หากน้ำบาดาลไม่มีหินปูนผสมอยู่ ก็ไม่จำเป็นทีต้องจะกรองน้ำบาดาลผ่านถังกรองเรซิ่น
6.กรองกลิ่น สี และสารเคมี
สำหรับถังกรองน้ำบาดาลถังสุดท้าย จะทำหน้าที่กรองเอากลิ่นไม่พึงประสงค์ กรองสี และสารเคมีต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายออกไป เพื่อทำให้น้ำบาดาลมีคุณภาพ และสามารถนำไปใช้งานทั้งอุปโภค บริโภค ได้อย่างปลอดภัย
7.สูบน้ำบาดาลที่กรองแล้วเข้าถังเก็บน้ำ
เมื่อน้ำบาดาลผ่านขั้นตอนการกรองน้ำบาดาลเรียบร้อย ให้ทำการสูบน้ำบาดาลที่ผ่านการกรองแล้วขึ้นมาเก็บไว้ในถังเก็บน้ำ ซึ่งถังเก็บน้ำจะมีปั๊มน้ำแบบอัตโนมัติที่เปิด-ปิดการจ่ายน้ำตามการใช้งาน พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ ถ้าไม่เปิดน้ำใช้ ปั๊มน้ำก็จะไม่ทำงานนั่นเอง เพียงเท่านั้นเราก็จะมีน้ำสะอาด ที่มีคุณภาพ เอาไว้ใช้งานทั้ง อุปโภคและบริโภค
เลือกผู้ให้บริการระบบกรองน้ำบาดาลที่มีคุณภาพ ต้อง Mitrwater
ก็จะเห็นได้ว่า น้ำบาดาลเป็นแหล่งน้ำจากธรรมชาติ ที่ไม่สามารถนำไปใช้งานโดยไม่ผ่านการกรองหรือบำบัดก่อนได้ เพราะมีแร่ธาตุ สิ่งสกปรก ที่เป็นอันตรายเจือปนอยู่ด้วยจำนวนมาก ฉะนั้นจึงนำน้ำบาดาลเข้าสู่กระบวนการกรองต่างๆ เพื่อทำให้น้ำมีสภาพที่ดีขึ้นเสียก่อน และสำหรับใครที่กำลังมองหาบริษัทรับทำระบบน้ำบาดาลที่เชื่อถือได้ คุณสามารถติดต่อเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการทำระบบน้ำของ Mittwater ได้เลย เราพร้อมที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำระบบกรองน้ำบาดาลกับคุณอย่างตรงไปตรงมา รับรองได้ว่าสามารถกรองน้ำบาดาลได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน และนอกจากนี้เราก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อย
สำหรับผู้อ่านที่ต้องการสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับการทำระบบน้ำแบบต่าง ๆ สามารถปรึกษา Mitrwater ผ่าน Line หรือ โทรติดต่อ ได้เลยครับ ให้คำแนะนำโดยวิศวกรระบบน้ำโดยตรง
