ไฮโดรเจนซัลไฟด์คืออะไร เข้าใจปัญหาก๊าซไข่เน่าในน้ำ

ไฮโดรเจนซัลไฟด์คืออะไร เข้าใจปัญหาก๊าซไข่เน่าในน้ำ

ไฮโดรเจนซัลไฟด์คือ

ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen Sulfide) คือ ก๊าซไข่เน่า ไร้สีที่มีกลิ่นเหม็นฉุนคล้ายกับไข่เน่า เกิดขึ้นจากกระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน ในสภาพแวดล้อมที่ซัลเฟตหรือมีสารประกอบกำมะถันอยู่ ก๊าซนี้จะสามารถละลายน้ำได้ดี หากมีปริมาณเข้มข้นมากพอก็จะส่งผลต่อคุณภาพน้ำ กลิ่นรบกวน และอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

นอกจากนี้ไฮโดรเจนซัลไฟด์ยังมีคุณสมบัติเป็นสารรีดิวซ์ที่ค่อนข้างแรง สามารถทำปฏิกิริยากับโลหะหลายชนิดจนเกิดการกัดกร่อน อีกทั้งนังมีความเป็นพิษสูงต่อระบบประสาทและระบบหายใจของมนุษย์ จึงถือเป็นสารเคมีอันตรายที่องค์กรอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานสิ่งแวดล้อมหลายประเทศให้ความสำคัญในการควบคุม

ไฮโดรเจนฟัลไฟด์มาจากไหน

ไฮโดรเจนซัลไฟด์มาจากไหน

  • ระบบบำบัดน้ำเสียและถังเก็บน้ำ ที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
  • เกิดจากการสลายตัวเองซัลเฟตในน้ำใต้ดินหรือดินชั้นลึก
  • กระบวนการเน่าเปื่อยของอินทรียวัตถุ เช่น ซากพืช ซากสัตว์ หรือเศษอาหารที่สะสมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนน้อย
  • อุตสาหกรรมบางประเภท เช่น โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตเยื่อกระดาษ หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับกำมะถัน

ไฮโดรเจนซัลไฟด์ในน้ำ

เมื่อมีก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ในน้ำ จะทำให้น้ำมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับไข่เน่า แม้จะมีเพียงเล็กน้อย แต่ก็ส่งผลกระทบกับน้ำ ทำให้สามารถดื่มหรือใช้งานต่อได้ โดยผลกระทบที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • น้ำมีกลิ่นและรสที่ไม่พึงประสงค์สำหรับใช้ดื่มหรือประกอบอาหาร
  • ทำให้เสื้อผ้า สุขภัณฑ์ และภาชนะมีกลิ่นไข่เน่าหรือทิ้งคราบ
  • กัดกร่อนท่อ วาล์ว หรือปั๊มน้ำ ทำให้ระบบประปาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • หากระบายออกสู่แม่น้ำลำคลองอาจส่งผลต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศ

ไฮโดรเจนซัลไฟด์ในน้ำไม่เพียงทำให้คุณภาพน้ำแย่ลงเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบน้ำอีกด้วย

อันตรายของไฮโรเจนซัลไฟด์

อันตรายของไฮโดรเจนซัลไฟด์ในน้ำ

ไฮโดรเจนซัลไฟด์ในน้ำ ถือเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะทำให้น้ำมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับไข่เน่าแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และระบบน้ำโดยรวม

  • การดื่มน้ำที่มีไฮโดรเจนซัลไฟด์ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ และท้องเสีย
  • หากสูดดมอาจทำให้เกิดการระคายเคืองจมูกและลำคอ
  • ในพื้นที่ที่มีความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิดอาการไอ หายใจติดขัด หรือวิงเวียนศีรษะ
  • ในกรณีที่รุนแรงกลิ่นไฮโดรเจนซัลไฟด์อาจทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตได้
  • เมื่อได้รับไฮโดรเจนซัลไฟด์ในปริมาณมาก จะกดการทำงานของสมอง ทำให้ไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว
  • อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา ทำให้แสบตา มีน้ำตาไหล
  • อาจทำให้คันผิวหนังหรือเกิดการอักเสบ
  • ทำให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำ ลำคลอง หรือบ่อเก็บน้ำเสื่อมโทรม
  • หากปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนไฮโดรเจนซัลไฟด์ลงแหล่งน้ำธรรมชาติ จะทำให้ปลาและสัตว์น้ำขาดออกซิเจน
  • ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยรวมในระยะยาว

การปฐมพยาบาลเมื่อได้รับผลกระทบของน้ำที่มีแก๊สไข่เน่า

  • กรณีสูดดม : ให้รีบนำผู้ได้รับผลกระทบออกจากพื้นที่ ไปยังสถานที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก
  • หากมีอาการเล็กน้อย : เช่น วิงเวียน คลื่นไส้ ให้พักผ่อนและดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อลดอาการ
  • กรณีดื่มน้ำปนเปื้อน : ควรล้างปากและดื่มน้ำสะอาดปริมาณมาก จากนั้นรีบพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ
  • กรณีอาการรุนแรง : มีภาวะหายใจติดขัดหรือหมดสติ ต้องทำ CPR และนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

การบำบัดน้ำที่มีไฮโดรเจนซัลไฟด์

  • การเติมอากาศ : ทำการเติมออกซิเจนลงในน้ำ เพื่อให้ก๊าซไข่เน่าระเหยออกไปในอากาศ และเปลี่ยนเป็นซัลเฟตที่ไม่มีกลิ่น
  • การกรองด้วยสื่อกรอง : ใช้อุปกรณ์กรองเฉพาะ เช่น Manganese Greensand หรือ Activated Carbon เพื่อดูดซับและเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันของไฮโดรเจนซัลไฟด์ทำให้น้ำสะอาดขึ้น
  • การใช้สารเคมีออกซิไดซ์ : เช่น คลอรีน หรือโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ทำปฏิกิริยาออกซิเดชันกับไฮโดรเจนซัลไฟด์ เปลี่ยนเป็นซัลเฟตหรือกำมะถันที่ไม่เป็นอันตราย
  • ระบบบำบัดแบบผสมผสาน : รวมหลายวิธีเข้าด้วยกัน เช่น การเติมอากาศ กรอง และตกตะกอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดไฮโดรเจนซัลไฟด์
  • การควบคุมต้นทาง : ช่วยลดการสะสมของอินทรียวัตถุในแหล่งน้ำและดูแลระบบบำบัดน้ำเสียให้มีออกซิเจนเพียงพอ เพื่อลดโอกาสเกิดก๊าซไข่เน่าตั้งแต่ต้นทาง