ในภาคอุตสาหกรรม กระบวนการผลิตหลายประเภทมักเกิดน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นกรด-ด่าง โลหะหนัก สารละลายอินทรีย์เข้มข้น หรือสารพิษต่าง ๆ ที่หากปล่อยทิ้งโดยไม่ผ่านการบำบัด จะสร้างผลกระทบต่อแหล่งน้ำธรรมชาติ ชุมชนรอบข้าง และระบบนิเวศอย่างรุนแรง
ด้วยความเสี่ยงสูงของน้ำเสียประเภทนี้ โรงงานทุกแห่งจึงจำเป็นต้องมี ระบบบำบัดน้ำเสียเคมี ที่ออกแบบให้รองรับมลพิษเฉพาะทาง และช่วยให้น้ำที่ปล่อยออกจากโรงงานเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและกฎหมายที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

ระบบบำบัดน้ำเสียเคมี คืออะไร
ระบบบำบัดน้ำเสียเคมี คือ ระบบที่สารเคมีมาช่วยปรับสภาพน้ำเสียที่มีความเป็นกรด-ด่างสูง หรือปนเปื้อนสารอันตราย เช่น โลหะหนัก สารพิษ สารอินทรีย์เข้มข้น ให้เปลี่ยนรูปหรือแยกออกจากน้ำได้ง่ายขึ้น หรือพูดง่าย ๆ คือ เป็นขั้นตอนที่ใช้ปฏิกิริยาเคมีช่วยลดพิษ ดึงสารปนเปื้อนออกจากน้ำ ก่อนปล่อยทิ้งหรือส่งต่อไปบำบัดขั้นอื่น ทำให้น้ำหลังบำบัดปลอดภัยและเป็นไปตามค่ามาตรฐานของกฎหมาย
ทำไมต้องบำบัดน้ำเคมีก่อนปล่อยทิ้ง
น้ำเสียที่ปนเปื้อนสารเคมีมีความอันตรายสูงกว่าน้ำเสียทั่วไปมาก ทั้งความเป็นกรด-ด่างที่กัดกร่อน การสะสมของโลหะที่เป็นพิษต่อคนและสัตว์น้ำ รวมถึงสารอินทรีย์บางชนิดที่สร้างกลิ่นเหม็นและเพิ่มค่า BOD/COD อย่างรุนแรง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ผ่านการบำบัด จะทำให้แหล่งน้ำเกิดการเสื่อมโทรม รบกวนระบบนิเวศ และกระทบต่อชุมชนโดยตรง
ในด้านกฎหมาย โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย “ห้าม” ปล่อยน้ำเสียที่มีค่าปนเปื้อนเกินมาตรฐานลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น
- พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535
- ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับค่ามาตรฐานน้ำทิ้งโรงงาน
กฎหมายกำหนดให้ควบคุมค่า pH, BOD, COD, TSS และโลหะหนักต่าง ๆ ให้อยู่ในช่วงที่กำหนด เช่น pH ต้องอยู่ประมาณ 5.5-9.0 หากต้องปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนเกินมาตรฐาน จะมีโทษทั้งเรื่องค่าปรับ การสั่งหยุดดำเนินการ หรือแม้แต่โทษทางอาญาในกรณีรุนแรง
ดังนั้น การบำบัดน้ำเคมีก่อนปล่อยทิ้งจึงเป็นทั้งหน้าที่ตามกฎหมายและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่ทุกโรงงานต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

ความต่างของการบำบัดน้ำเสียทั่วไป กับน้ำเสียเคมี
การบำบัดน้ำเสียทั่วไปกับน้ำเสียเคมีต่างกันที่ ชนิดของมลพิษ และ วิธีการจัดการ น้ำเสียทั่วไปมักเกิดจากกิจกรรมประจำวันหรือกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน เช่น ไขมัน เศษอาหาร หรือน้ำเสียที่มีอินทรีย์เป็นหลัก ซึ่งสามารถบำบัดด้วยระบบชีวภาพได้ง่ายกว่า
แต่น้ำเสียเคมีมีความซับซ้อนมากกว่า เพราะมักปนเปื้อนกรด-ด่าง โลหะหนัก หรือสารพิษที่ร่างกายและสิ่งแวดล้อมรับไม่ได้ และไม่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ การบำบัดจึงต้องใช้สารเคมีเฉพาะทาง เพื่อทำลายสารพิษ
พูดง่าย ๆ ก็คือ น้ำเสียทั่วไปใช้วิธีการบำบัดแบบชีวภาพได้ แต่น้ำเสียเคมีต้องอาศัยขั้นตอนที่ละเอียดกว่า ใช้สารเคมีช่วยปรับและดึงสิ่งปนเปื้อนออกอย่างแม่นยำ เพื่อให้ปลอดภัยและผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานก่อนปล่อยทิ้ง
ขั้นตอนการบำบัดน้ำเสียเคมี
การบำบัดน้ำเสียเคมีต้องทำอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สารปนเปื้อนลดลงจนปลอดภัยและผ่านมาตรฐานกฎหมาย โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
- เก็บตัวอย่างเพื่อตรวจค่า pH, โลหะหนัก, COD และสารปนเปื้อนเฉพาะทาง ก่อนออกแบบวิธีบำบัดที่เหมาะสม
- ปรับสภาพน้ำด้วยการเติมกรดหรือด่างเพื่อรับ pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับการตกตะกอนหรือปฏิกิริยาเคมีถัดไป
- ตกตะกอนและรวมตะกอนด้วยการเติมสารเคมี เช่น ปูนขาว PAC หรือ Polymer เพื่อดึงโลหะหนักและของแข็งให้รวมตัวเป็นตะกอน
- แยกตะกอนออกจากน้ำ ด้วยการปล่อยให้น้ำใสแยกจากตะกอนหรือใช้ระบบกรองช่วยเพิ่มความสะอาดของน้ำ
- ใช้สารออกซิไดซ์ เช่น คลอรีน โอโซน หรือสารรีดิวซ์ เพื่อทำลายหรือเปลี่ยนรูปสารเคมีอันตรายให้ไม่เป็นพิษ
- บำบัดขั้นสุดท้ายด้วยระบบกรองละเอียด เพื่อลดกลิ่น สี และสารตกค้างให้ได้ตามมาตรฐาน
- กำจัดตะกอนเคมีตามกฎหมาย ซึ่งต้องส่งกำจัดโดยหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันการปนเปื้อนซ้ำ

ออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียเคมีอย่างเข้าใจ ที่ Mitrwater
การออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียเคมีจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพราะต้องควบคุมปริมาณสารเคมี ปฏิกิริยา และความปลอดภัยอย่างแม่นยำ Mitrwater จึงพัฒนาระบบที่ออกแบบจากข้อมูลจริงของน้ำเสียแต่ละโรงงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดการออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียเคมีจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพราะต้องควบคุมปริมาณสารเคมี ปฏิกิริยา และความปลอดภัยอย่างแม่นยำ Mitrwater จึงพัฒนาระบบที่ออกแบบจากข้อมูลจริงของน้ำเสียแต่ละโรงงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

