แคลเซียมในน้ำ เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

แคลเซียมในน้ำ

แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่หลายคนรู้จักกันในฐานะสารอาหารสำคัญต่อการสร้างกระดูกและฟัน รวมถึงการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท โดยสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ แคลเซียมไม่ได้มีอยู่เพียงแค่ในอาหารหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้ในน้ำที่เราใช้ดื่มและใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ แคลเซียมในน้ำคืออะไร มาจากไหน มีผลดีและผลเสียอย่างไรต่อร่างกายและการใช้งาน รวมถึงแนะนำแนวทางการจัดการแคลเซียมในน้ำอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถใช้น้ำได้อย่างมั่นใจ

แคลเซียมกับน้ำ

แคลเซียมในน้ำคืออะไร

แคลเซียมในน้ำ คือ แร่ธาตุแคลเซียมที่ละลายปนอยู่ในน้ำ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำกระด้าง โดยปริมาณแคลเซียมในน้ำจะแตกต่างกันตามแหล่งน้ำ เช่น น้ำบาดาลมักมีแคลเซียมสูง เพราะน้ำไหลผ่านหินปูน ส่วนแหล่งน้ำผิวดินอย่างแม่น้ำหรือฝนมักมีน้อยกว่า อีกทั้งแคลเซียมในน้ำไม่ได้มีแค่ผลต่อการใช้งาน แต่ยังอาจเป็นแหล่งเสริมแคลเซียมให้ร่างกายด้วย

แคลเซียมในน้ำมาจากไหน

แคลเซียมที่พบในแหล่งน้ำเกิดจากธรรมชาติรอบตัว โดยมีแหล่งที่มา ดังนี้

  • ชั้นหินปูนและหินชอล์ก : เมื่อน้ำไหลผ่านหินประเภทนี้ ไอออนแคลเซียมจะละลายออกมา ทำให้น้ำมีความกระด้างขึ้น
  • น้ำใต้ดินและน้ำบาดาล : มักมีแคลเซียมสูงกว่าน้ำผิวดิน เนื่องจากผ่านชั้นหินและดินที่มีแร่ธาตุสะสม
  • แร่ธาตุธรรมชาติอื่น ๆ : เช่น แร่แคลไซต์ หรือโดโลไมต์ ที่มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลัก
  • แหล่งน้ำผิวดิน : เช่น น้ำฝน แม่น้ำ หรืออ่างเก็บน้ำ โดยทั่วไปจะมีปริมาณแคลเซียมน้อยกว่า เพราะไม่สัมผัสกับหินแร่โดยตรง
  • กิจกรรมของมนุษย์ : การทำเหมืองแร่ อุตสาหกรรมบางประเภท หรือการใช้ปุ๋ยที่มีส่วนผสมของแคลเซียม ซึ่งอาจทำให้แคลเซียมปนเปื้อนลงสู่น้ำได้ในบางพื้นที่
ผลเสียของของแคลเซียมในน้ำ

ผลกระทบต่อการใช้น้ำ

แคลเซียมในน้ำมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากอยู่ในระดับที่เหมาะสมก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหา แต่ถ้ามีปริมาณสูงเกินไปอาจทำให้น้ำเกิดความกระด้าง ส่งผลต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันหลายด้าน ดังนี้

  • เกิดคราบตะกรัน : มักพบในกาต้มน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น หม้อหุงข้าว หรือก๊อกน้ำ ทำให้ดูไม่สะอาดและอาจอุดตันได้
  • ลดประสิทธิภาพการทำความสะอาด : น้ำกระด้างทำให้สบู่หรือผงซักฟอกเกิดฟองน้อย ซักผ้า ล้างจาน หรืออาบน้ำแล้วรู้สึกไม่สะอาด
  • ผ้าแข็งกระด้างและสีหม่น : เมื่อซักด้วยน้ำที่มีปริมาณแคลเซียมสูง ผ้าจะเสียความนุ่มนวลและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าเสื่อมสภาพเร็ว : เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จะมีตะกรันเกาะ ส่งผลให้เครื่องทำงานหนักขึ้นและสิ้นเปลืองพลังงาน
  • ท่อน้ำอุดตัน : คราบตะกรันที่สะสมในท่อเป็นเวลานาน จะทำให้แรงดันน้ำลดลงและต้องบำรุงรักษาบ่อยขึ้น
  • รสชาติของน้ำเปลี่ยนไป : ในน้ำที่มีแคลเซียมมาก อาจทำให้รสชาติฝาดหรือไม่กลมกล่อม ทำให้ไม่น่าดื่ม

ประโยชน์ต่อร่างกาย

แม้แคลเซียมในน้ำจะไม่ใช่แหล่งพลังงานหลักเหมือนอาหาร แต่ก็สามารถช่วยเสริมปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายได้รับและส่งผลดีหลายด้าน เช่น

  • เสริมสร้างกระดูกและฟัน ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในระยะยาว
  • ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวและผ่อนคลายได้อย่างเหมาะสม
  • ช่วยในการแข็งตัวของเลือก ป้องกันการเสียเลือดมากเกินไป
  • กระตุ้นเอนไซม์สำคัญในกระบวนการย่อยอาหารและเมแทบอลิซึม
  • ช่วยรักษาสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย ร่วมกับแมกนีเซียมและฟอสฟอรัส
  • อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง เมื่อดื่มน้ำที่มีแคลเซียมในระดับที่เหมาะสม
แคลเซียมมากเกินไป

อันตรายหากรับมากเกินไป

แม้แคลเซียมจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจากน้ำและอาหารรวมกัน อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น ท้องผูก นิ่วในไต กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ นอกจากนี้ยังอาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุอื่น ทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้

วิธีการจัดการควบคุมดูแลแคลเซียมในน้ำ

เพื่อให้น้ำที่ใช้ในบ้านหรืออาคารมีคุณภาพและปลอดภัย ควรควบคุมระดับแคลเซียมให้เหมาะสม โดยทำได้ ดังนี้

  • ใช้เครื่องกรองน้ำหรือซอฟท์เนอร์ ลดความกระด้างและคราบตะกรัน
  • ตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะน้ำบาดาลหรือน้ำจากแหล่งใต้ดิน
  • บำรุงรักษาอุปกรณ์และท่อน้ำ เพื่อลดการสะสมของคราบแคลเซียม
  • เลือกระบบกรองที่ยังคงแร่ธาตุที่จำเป็นไว้ หากต้องการน้ำดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
  • หลีกเลี่ยงการเติมสารเคมีเกินความจำเป็น เพื่อป้องกันการเพิ่มปริมาณแคลเซียมในน้ำโดยไม่ตั้งใจ