โลหะหนักในน้ำเสีย อันตรายที่ต้องจัดการก่อนปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม

โลหะหนักในน้ำเสีย

ปัญหา โลหะหนักในน้ำ เป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญแต่กลับถูกมองข้ามในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่ใช้เพื่ออุปโภค บริโภค หรือการเพาะปลูก ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการปล่อยน้ำเสียที่มีโลหะหนักปนเปื้อนจากกิจกรรมอุตสาหกรรม แม้จะมีการปนเปื้อนเพียงเล็กน้อย แต่หากสะสมในน้ำ ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์น้ำ และสิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว ดังนั้น การกำจัดโลหะหนักในน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้นั่นเอง

โลหะหนักในแหล่งน้ำ

โลหะหนักในน้ำ

โลหะหนักในน้ำ คือ กลุ่มของโลหะหรือสารประกอบของโลหะที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงและมีเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต แม้จะมีความเข้มข้นต่ำแต่ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยโลหะเหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ในธรรมชาติ ทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาว

โลหะหนักที่พบบ่อยในน้ำ มีดังนี้

  • ตะกั่ว
  • ปรอท
  • แคดเมียม
  • สารหนู
  • โครเมียม
  • สังกะสี

อันตรายจากโลหะหนักในน้ำ

โลหะหนักที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติอาจดูเหมือนเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่ความจริงแล้วกลับเป็นอันตรายที่สะสมและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสิ่งแวดล้อม สัตว์น้ำ และมนุษย์ ดังนี้

  • สิ่งแวดล้อม: ปรับสมดุลระบบนิเวศ ทำให้คุณภาพน้ำเสื่อมลง เกิดปรากฏการณ์ตะกอนสารพิษในแหล่งน้ำ
  • สัตว์น้ำ: โหละหนักสามารถสะสมในตัวปลา หอย หรือสัตว์น้ำอื่น ๆ และส่งผลกระทบต่อการสืบพันธ์ุและการเจริญเติบโตได้
  • มนุษย์: การบริโภคน้ำหรือสัตว์น้ำที่ปนเปื้อนโลหะหนัก อาจทำให้เกิดการสะสมโลหะหนักในร่างกาย และนำไปสู่โรคพิษเรื้อรัง เช่น โรคสมองเสื่อม ระบบประสาทผิดปกติ หรือโรคมะเร็ง
แหล่งเกิดสารโลหะในน้ำเสีย

โลหะหนักในน้ำมาจากไหน

1.โรงงานอุตสาหกรรม

ส่วนใหญ่โลหะหนักในน้ำเสียมักมาจากโรงงานประเภทต่าง ๆ เช่น โรงงานผลิตแบตเตอรี่ สี สิ่งทอ ชุบโลหะ และอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากมีการใช้โลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม และโครเมียมในกระบวนการผลิต ก่อนปล่อยน้ำลงสู่แหล่งน้ำจึงจำเป็นต้องบำบัดก่อน เพื่อทำให้น้ำอยู่ในสภาพที่เหมาะสำหรับการปล่อยลงแหล่งน้ำที่สุด

2.เหมืองแร่

การทำเหมืองโดยเฉพาะเหมืองโลหะ เช่น เหมืองทองแดง ตะกั่ว สังกะสี หรืออาร์เซนิก อาจปล่อยตะกอนแร่และสารเคมีตกค้างลงสู่แหล่งน้ำโดยรอบ ทำให้เกิดการชะล้างโลหะหนักเข้าสู่ระบบน้ำธรรมชาติ ทั้งในรูปแบบของน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน

3.การเกษตร

โลหะหนักในน้ำมักเกิดการใช้สารเคมีทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง และยาฆ่าวัชพืช ที่มีองค์ประกอบของโลหะหนัก ซึ่งอาจส่งผลให้โลหะหนักเหล่านี้สะสมในดินและถูกชะล้างไปกับน้ำฝนหรือน้ำชลประทานลงสู่แหล่งน้ำใกล้เคียง

4.การปศุสัตว์

กิจกรรมปศุสัตว์บางประเภท โดยเฉพาะการใช้สารเสริมอาหารหรือยาปฏิชีวนะที่มีโลหะหนัก เช่น ทองแดง หรือสังกะสีในอาหารสัตว์ สามารถปล่อยของเสียที่มีโลหะหนักปะปนลงในระบบน้ำเสีย หรือซึมลงสู่แหล่งน้ำใต้ดินได้

วิธีการตรวจโลหะหนักในน้ำ

การตรวจโลหะหนักในน้ำเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการประเมินความปลอดภัยของแหล่งน้ำ รวมถึงการควบคุมและการบำบัดโลหะหนักในน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ โดยทั่วไปสามารถแบ่งวิธีการตรวจสอบได้ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ การตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ และ การตรวจสอบแบบภาคสนามโดยใช้ชุดทดสอบ (Test Kit) ที่เหมาะสำหรับการใช้งานนอกห้องแล็บ ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว

กำจัดไขมันก่อนปล่อยน้ำเสียลงสู่ธรรมชาติ

การบำบัดโลหะหนักในน้ำก่อนปล่อยลงสู่ธรรมชาติ

  1. การตกตะกอนทางเคมี ด้วยการเติมสารเคมี เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ หรือ ซัลเฟต เพื่อทำให้โลหะหนักตกตะกอนเป็นของแข็งและแยกออกจากน้ำ ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า การตกตะกอนโลหะหนัก
  2. ใช้วัสดุดูดซับ เช่น ถ่านกัมมันต์ เซรามิก หรือวัสดุชีวภาพ เพื่อจับและกักเก็บโลหะหนักในน้ำ
  3. ใช้เรซินชนิดพิเศษที่สามารถแลกเปลี่ยนไอออนโลหะหนักออกจากน้ำ ทำให้โลหะหนักถูกดักจับและกรองออก
  4. กรองด้วยเมมเบรน ที่สามารถกรองโลหะหนักระดับนาโนได้
  5. บำบัดด้วยการใช้จุลินทรีย์หรือพืชบางชนิดที่สามารถดูดซับหรือเปลี่ยนสภาพโลหะหนักให้กลายเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ

ข้อดีของการบำบัดโลหะหนักในน้ำ

  • ช่วยลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนแหล่งน้ำธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
  • ป้องกันผลกระทบด้านสุขภาพของมนุษย์
  • สามารถนำน้ำที่ผ่านการบำบัดไปใช้ประโยชน์ใหม่ได้
  • เป็นการส่งเสริมความยั่งยืนในการจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม
  • สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและกฎหมายควบคุมคุณภาพน้ำ